ก่อนจะเล่าถึงการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บที่ตัวเองเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ขอเรียนให้ทราบว่าคุณหมอสมสินธุ์ ฉายวิจิตร นายแพทย์คนล่าสุดผู้มีส่วนในการช่วยฟื้นฟูสุขภาพของผมที่เสื่อมโทรมลงตามอายุขัย ท่านปรารภว่าถ้าไม่ขัดข้องจะขอให้ผมได้แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับเกี่ยวกับการดูแลตัวเองให้ทุกท่านที่กำลังเผชิญกับปัญหาทำนองเดียวกันได้รับทราบโดยสังเขป ด้วยคาดหวังว่าจะเกิดประโยชน์ต่อทุกท่านบ้างไม่มากก็น้อย
ขณะนี้ผมอยู่ในวัย ๗๔ ปี ก่อนเกษียณอายุการทำงาน สุขภาพโดยรวมค่อนข้างดี ตรวจสุขภาพประจำปีไม่มีขาด ไม่เคยล้มหมอนนอนเสื่อหนักถึงกับต้องให้น้ำเกลือ ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะต้องเผชิญกับวิกฤติที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด หากเป็นท่านจะตกใจไหมเมื่อเกษียณอายุการทำงานแล้วไปตรวจสุขภาพตากปกติ ผลการตรวจปรากฏว่าเป็นมะเร็งที่โพรงจมูกและบริเวณใต้สมองโดยไม่มีสัญญาณบอกเหตุมาก่อน ความรุนแรงของโรคอยู่ในช่วงที่ ๓ เกือบๆจะถึงระยะสุดท้าย หมอแจ้งว่าคงมีชีวิตอยู่ได้ประมาณสามเดือน นานที่สุดไม่น่าจะเกินหกเดือน
ถามว่าตกใจไหม? กลัวตายไหม? ถ้าใครตอบว่าไม่ตกใจ ไม่กลัว คนนั้นโกหกแน่นอน เพราะสัตว์โลกทุกชีวิตต่างรักตัวกลัวตายกันทั้งสิ้น ผมเองก็กลัวตายแต่กลัวความทุกข์ทรมานมากกว่าหลายเท่าผมอยากจะบอกท่านว่า ตัวเองชอบคิดในเชิงบวก และต้องคิดอย่างมีสติบนพื้นฐานของเหตุผล เชื่อว่าธรรมชาติจะไม่โหดร้ายกับทุกชีวิตเสมอไปเมื่อเราไม่ตั้งอยู่ในความประมาทและไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อปัญหาใดๆ โดยง่าย ชีวิตยังไม่สิ้นต้องดิ้นไปปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ใช่เพื่อหนีครับ ทุกปัญหาต้องมีทางออก กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยคลายความวิตกกังวลลง จงทำให้ดีที่สุด ส่วนผลจะออกหัวหรือก้อยต้องทำใจยอมรับให้ได้
เมื่อถึงเวลาทุกคนต้องพลัดพรากจากกัน ไม่มีการยกเว้น แต่ไปดีหรือไปไม่ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคนที่ทำไว้ ผมพยายามไม่ตั้งอยู่ในความประมาทและไม่ต้องการสร้างภาระให้กับลูกหลานและผู้อยู่เบื้องหลังเมื่อวันที่ผมต้องจากโลกนี้ไป ผมได้อุทิศร่างกายเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้กลายเป็นเถ้าธุลีที่ไร้ค่า นอกจากจัดการเกี่ยวกับทรัพย์มรดก (ที่ไม่ค่อยจะมี) ให้กับลูกๆแล้ว ผมได้เขียนหนังสือชื่อ “ก่อนเทียนจะสิ้นแสง” เป็นเล่มแรกและเล่มสุดท้ายในชีวิต เพื่อเตรียมแจกในงานศพตัวเองเสร็จสิ้นในเวลาก่อนสามเดือนตามคำวินิจฉัยของแพทย์ ไม่ต้องการให้ใครต้องมาเสียเวลาเขียนถึงเราเฉพาะเรื่องดีๆ บอกได้เลยว่าไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเราดีเท่ากับเจ้าตัวแน่นอน
ขอย้อนถึงการรักษาพยาบาลและการดูแลตัวเองในช่วงที่ผ่านมาครับ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง กล่าวคือผู้คนรอบข้างให้กำลังใจและดูแลอย่างใกล้ชิด ลูกทุกคน โดยเฉพาะคุณสุวิสาข์ ชัชวาลวิทย์ ภรรยาซึ่งเป็นพยาบาล มีแพทย์ผู้ชำนาญการเรื่องมะเร็งให้การรักษาโดยวิธีรังสีบำบัด ระหว่างการรักษาไม่ได้ใช้ยาทางการแต่อย่างใด แต่ได้รับความเมตตาจากแพทย์เจ้าของไข้คือ แพทย์หญิงมณเทียร เปสี หัวหน้าแผนกรังสีบำบัดโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ที่กรุณาให้ยาสมุนไพร Vilac Plus ที่คุณหมอเป็นหนึ่งในสามผู้วิจัย มาดื่มต่อเนื่องนานนับปีโดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว ท่านยังคงดูแลติดตามผลจนถึงปัจจุบันรวมเวลาถึง ๑๔ ปี
ผมขอขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ เพราะท่านเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่กับผมอย่างแท้จริง ผลของการรักษาโดยการใช้รังสี ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายไป ที่ถูกทำลายไปพร้อมกับเนื้อร้ายก็คือต่อมน้ำลายและน้ำหนักที่ลดไปถึงยี่สิบกิโลกรัมในหนึ่งเดือน ทั้งสองอย่างที่กล่าวถึงหายไปพร้อมกันอย่างถาวรเพื่อแลกกับการรักษาส่วนที่เหลือจนถึงวันนี้ก็นับว่าเกินคุ้มแล้วครับ ปัจจุบันผมใช้ชีวิตอย่างอิสระคนเดียวเพราะไม่ต้องการให้เป็นภาระของลูกๆ ในขณะที่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ คิดถึงลูกหลานก็ไปเยี่ยม เมื่อเขาคิดถึงเราก็มาเยี่ยมเป็นครั้งคราว ถือเป็นการฝึกทำใจว่าเมื่อถึงวันที่เราจากไปจริงๆ จะได้ไม่ต้องโศกเศร้า ทุกคนควรยอมรับความจริงว่าทุกสิ่งไม่จีรัง การเกิดการดับนับเป็นเรื่องธรรมดา
ถึงเวลาที่จะเล่าให้ฟังว่าผมมารับการฟื้นฟูสุขภาพจากคุณหมอสมสินธุ์ได้อย่างไรทั้งที่ต่างก็อยู่กันคนละทิศ เมื่อสามปีที่แล้วเพื่อนของลูกสาวที่อยู่ต่างประเทศกลับมาเยี่ยมบ้านที่จันทบุรี ได้ชักชวนผมมาเที่ยว และเล่าเรื่องที่คุณหมอเคยช่วยเหลือสามีเขาให้ฟัง ช่วงนั้นภรรยาผมเริ่มมีปัญหาสุขภาพเลยถือโอกาสพามาปรึกษาคุณหมอ ซึ่งได้รับการดูแลเอาใจใส่และให้คำแนะนำเป็นอย่างดี คุณหมอสมสินธุ์เป็นคนน่ารักมาก ให้ความเป็นกันเองกับผู้ป่วย และช่วยเหลือผู้มีปัญหาด้านสุขภาพมาโดยตลอด การได้พบกันถือเป็นวาสนาและผมเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จากวันนั้นเรามีโอกาสสื่อสารกันทางไลน์ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผมมากับลูกชายที่พาครอบครัวเดินทางมาจากเชียงใหม่เพื่อพักผ่อนช่วงวันหยุด ได้ถือโอกาสแวะตรวจสุขภาพที่ศูนย์แพทย์ทางเลือกของคุณหมอเพราะมีความรู้สึกว่าสุขภาพเริ่มมีปัญหา ผลการตรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่พบวี่แววของมะเร็งหลงเหลืออยู่ แต่กลับพบว่ามีสิ่งที่ร้ายแรงน่ากลัวยิ่งกว่า กำลังคุกคาม หากปล่อยทิ้งไว้อาจสายเกินแก้ คุณหมอยืนยันว่าสามารถกู้วิกฤติครั้งนี้ได้แน่นอนหากให้การเยียวยาทันการ นั่นคือสาเหตุที่ผมต้องเข้าค่ายสุขภาพเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผมเคยเผชิญวิกฤติร้ายแรงเมื่อสิบกว่าปีแล้วจึงให้ความสำคัญสูงสุดในการดูแลสุขภาพครับ
ท่านคงสงสัยว่ามะเร็งน่ากลัวที่สุดแล้ว มีอะไรที่น่ากลัวมากยิ่งไปกว่านี้อีกหรือ ปัญหาเรื่องไตเสื่อมและสุดท้ายจะจบลงที่ไตวาย คุณหมอแจ้งว่าอาการเสื่อมของไตผมอยู่ระยะที่สอง เกินจากนี้กู่ไม่กลับแน่นอน จะไม่ให้กลัวได้อย่างไรในเมื่อเพื่อนฝูงหลายคนจากไปอย่างทุกข์ทรมานเพราะเหตุดังกล่าว ความน่ากลัวของไตเสื่อมอยู่ที่ความทุกขเวทนาสุดๆระหว่างการดูแลรักษาซึ่งสลับซับซ้อนและยุ่งยากมากขึ้นตามลำดับเมื่อโรคทวีความรุนแรงไม่หยุดยั้ง จากการฟอกไตเดือนละครั้ง เพิ่มขึ้นเป็น 2 , 3 และ4 จากนั้นเริ่มนับถอยหลังได้เลยจนท้ายที่สุดยื้อยุดไม่ไหว มีผู้โชคดีไม่มากนักที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหารย์เนื่องจากการเปลี่ยนไตที่มีผู้ใจบุญอุทิศให้ อีกส่วนหนึ่งรอดชีวิตจากได้รับการบำบัดอย่างถูกวิธี
เมื่อพบว่าไตเริ่มมีปัญหา อย่างที่เรียนไว้แต่ต้นว่าผมกลัวตาย แต่กลัวความทุกข์ทรมานมากกว่าหลายเท่าจึงเข้ารับการบำบัดทันทีที่พบปัญหา ภาวนาเสมอว่าเมื่อถึงเวลาจากก็ขอให้ไปอย่างสงบ ผู้ที่ทุกข์กายทุกข์ใจไม่ใช่เราเพียงคนเดียว จะได้ไม่ทำให้ลูกหลานพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ก่อนจบบทความนี้ ขอเรียนให้ท่านทราบว่าเป็นเรื่องน่ายินดี ที่หลังเข้าค่ายสุขภาพและพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมเรื่องอาหาร การใช้ชีวิตประจำวันตามคำแนะนำของคุณหมอเพียงเดือนเศษ จากนั้นผมได้ส่งผลเลือดให้คุณหมอเปรียบเทียบกับผลการตรวจก่อนหน้านี้ปรากฏว่าตัวที่เป็นปัญหาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยยะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ประสบปัญหาด้านสุขภาพ และท้ายที่สุดขอขอบพระคุณ คุณหมอสมสินธุ์เป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ครับ
หมายเหตุ:พ่อพยายามเขียนบทความให้สั้นและกระชับตามที่คุณหมอต้องการ แต่อย่างที่เคยสนทนากัน พ่อไม่ใช่นักเขียนนักประพันธ์ เขียนเท่าที่คิดได้ กรุณาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแต่งตัดหรือเพิ่มเติมตามที่เห็นควร ไม่ต้องเกรงใจนะครับ
หลังจากที่ออกจากค่ายรุ่นที่ ๑ / ๒๕๖0 เมื่อวันที่ ๑๓ – ๑๕ มกราคม ๒๕๖0 ที่ผ่านมา คุณพ่อวิชัยท่านได้มีอาการเส้นยาแดงผ่าแปดกำลังยินดีปรีดากับสภาวะไตเสื่อมที่คืนสู่สภาพเกือบปกติ หลังตัดสินใจเข้าค่ายฟื้นฟูสุขภาพที่ศูนย์แพทย์ทางเลือกของ นพ. สมสินธุ์ฉายวิจิตร จังหวัดจันทบุรี เพียงสองครั้ง เมื่อเดือนตุลาคมและเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา รู้สึกกระฉับกระเฉงและแข็งแรงขึ้นมาก แต่ใครจะคาดเดาได้ว่าสิ่งไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสิ่งในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน แม้แต่ข่าวว่าบางคนสิ้นลมหายใจร่างกายบรรจุในโลงศพหลายวัน กลับฟื้นคืนชีพมาใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปก็เคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว
๒๓ มกราคม ๒๕๖๐ ครบกำหนดหมอนัดตรวจติดตามผลการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งทำทุกสามเดือน หกเดือน ต่อเนื่องมานานกว่าสิบปี ครั้งนี้พบว่ามีปัญหาเสมหะเหนียวติดแน่นสะสมในโพรงจมูก เพราะต่อมน้ำลายถูกรังสีทำลายไปตั้งแต่เริ่มรักษาจากการส่องกล้อง (Nasal Endoscope) พบว่ากระดูกส่วนที่ตาย เป็นอุปสรรคในการทำความสะอาดจึงจำเป็นต้องตัดออก การทำหัตถการเกิดปัญหา เพราะกระดูกที่ตัดออกมีขนาดใหญ่กว่ารูจมูก กว่าจะแก้ไขสำเร็จใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงด้วยความรู้สึกเจ็บปวดทรมาน ยาชาช่วยอะไรไม่ได้มากนัก หมอแพคจมูกห้ามเลือดแล้วนอนพักสังเกตอาการจนเกือบหมดเวลางาน หมอจึงเอาวัสดุที่ใช้ห้ามเลือดในจมูกออก มีเลือดซึมไม่มากนัก ขณะนั้นเรี่ยวแรงยังมีมากพอที่จะขับรถกลับบ้านได้เป็นปกติ
หลังจากนั้นสามวันสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นโดยไม่มีการส่งสัญญาณล่วงหน้า พอเคี้ยวอาหารกลางวันคำแรก เลือดกำเดาทะลักทลายไม่ต่างกับทำนบแตก เลือดไหลออกมาเป็นลิ่มๆ ปริมาณมากกว่า ๑ ลิตร เดือดร้อนถึงบริการรถฉุกเฉิน รพ. ศูนย์ขอนแก่นที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด หมอใช้ความพยายามกว่าชั่วโมงก็ยังไม่สามารถหยุดเลือดได้ การทำหัตกรรมในโพรงจมูกและปากไม่สำเร็จ เลือดออกมากกว่าที่บ้านเสียอีก ขณะนั้นสติสัมปชัญญะยังดี ก่อนสลบไสลไปจำได้ว่าบอกหมอให้หยุด ไม่ต้องยื้อชีวิตเพราะ ใจจวนเจียนจะขาด ความเจ็บปวดเมื่อสามวันที่ผ่านมาคิดว่าทรมานที่สุดแล้ว แต่เทียบกับคราวนี้ไม่ได้เลย ไม่ทราบหมดสติไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทียังอยู่ในห้องผ่าตัด แต่พูดไม่ได้ หายใจเองไม่ได้ บรรยายไม่ถูก มองเห็นถุงเลือด ขวดน้ำเกลือและขวดยาห้อยระโยงระยาง รู้สึกเพียงว่าอาจถึงวาระเมื่อไหร่ก็ได้ และพบภายหลังว่าฟันหักไปหนึ่งซี่
ขอชื่นชมและขอบพระคุณ คุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ช่วยทำให้คนตายฟื้นได้ มันเป็นนาทีวิกฤติของชีวิตที่รอดมาได้แบบ “เส้นยาแดงผ่าแปด” จริงๆ ก็ไม่แน่ใจนักว่า รอดชีวิตคราวนี้เพราะบุญเก่ายังมี หรือ ใช้กรรมยังไม่หมดนับเป็นความบังเอิญหรือโชคดีก็คงไม่ผิด ที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียว ก่อนเดินทางไปร่วมกิจกรรมดนตรีไทยสัมพันธ์ที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งสมาชิก ๔ จังหวัด จัดขึ้นทุก ๖ เดือนโดยผลัดกันเป็นเจ้าภาพ ถ้าวิกฤติเกิดในวันเดินทางคงไม่มีโอกาสได้ร่ำลาญาติมิตรและหมดโอกาสบอกเล่าประสบการณ์ให้ใครได้รับรู้
สุดท้าย ขอขอบคุณญาติพี่น้อง ลูกหลาน และคนรอบข้าง โดยเฉพาะเด็กที่ช่วยงานบ้านและดูแลภรรยาผมตั้งแต่เธอเริ่มมีปัญหาสุขภาพ จนถึงวาระสุดท้ายมานานกว่าสามปี ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกคนที่มีให้อย่างท่วมท้น ขอให้ทุกท่านโชคดี ขอได้เอาใจใส่ดูแลให้ความสำคัญสุขภาพเป็นอันดับแรก อย่าชะล่าใจโดยเด็ดขาด เพราะความประมาทคือทางสู่ความตายและหายนะครับ
รายการ |
ค่าปกติ |
13 ตุลาคม 2559 |
28 ธันวาคม 2559 |
13 กุมภาพันธ์ 2560 |
1. Red blood cell | ( 4.50 – 6.00 ) | 4.09 ×106/mm3 | 4.39 ×106/mm3 | 4.13 ×106/mm3 |
2. WBC | ( 4.00 – 10.00 ) | 6.50 ×103/mm3 | 6.2 ×103/mm3 | 6.0 ×103/mm3 |
3. Hemoglobin | ( 13.0 – 18.1 ) | 11.3 g / dL | 11.7 g / dL | 11.0 g / dL |
4. Hematocrit | ( 43.5 – 53.7 ) | 33.5 % | 36.5% | 32.5% |
5. MCV | ( 80.0 – 95.0 ) | 81.9 fL | 83.1 fL | 78.7 fL |
6. MCH | ( 27.0 – 32.0 ) | 27.6 pg | 26.7 pg | 26.6 pg |
7. MCHC | ( 32.0 – 36.0 ) | 33.7 g / dL | 32.1 g / dL | 33.8 g / dL |
8. RDW | ( 9.0 – 15.0 ) | 14.8 % | 14.4 % | 7.8 % |
9. PLT | ( 150 – 450 ) | 412 ×103/mm3 | 414×103/mm3 | 452×103/mm3 |
10. MPV | ( 6.7 – 10.2 ) | 81.9 fL | 8.1 fL | 7.8 fL |
11. Neutrophil % | ( 46.5 – 75.0 ) | 62.6 % | 59.9 % | 27.5 % |
12. Lymphocyte% | ( 12.0 – 44.0 ) | 26.4 % | 24.7 % | 11.1 % |
13. Monocyte % | ( 0.0 – 11.2 ) | 5.2 % | 8.1 % | 4.7 % |
14. Eosinophil % | ( 0.0 – 9.5 ) | 4.6 % | 5.8 % | - |
15. Basophil % | ( 0.0 – 2.5 ) | 1.2 % | 1.5 % | - |
16. ESR | ( 0 – 15 ) | >170 mm / hr | 80 mm / hr | 80 mm / hr |
17. Creatinine | ( 0.67 – 1.17 ) | 1.18 mg / dL | 1.07 mg / dL | 0.97 mg / dL |
18. eGFR | ( 60 – 89 ) | 60.51 ml/min/1.73 m2 | 68.50 ml/min/1.73 m2 | 77.12 L ml/min/1.73 m2 |
19. Cholesterol | ( <200 ) | 296 mg/dL | 272 mg/dL | 225 mg/dL |
20. LDL-Cholesterol | <129 | 213 mg/dL | 198 mg/dL | 168 mg/dL |
ผลตรวจ Electrolytes ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2560 | ||
Electrolytes | ค่าปกติ | 18 กุมภาพันธ์ 2560 |
Sodium | ( 135-145 ) | 129 mmol / L |
Potassium | ( 3.5 – 5.1 ) | 4.8 mmol / L |
Chloride | ( 98 – 107 ) | 89 mmol / L |
Tco2 | ( 22.0 – 29.0 ) | 26.8 mmol / L |
บทความโดย..
นพ.สมสินธู์ ฉายวิจิตร ศัลยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางเลือก
เข้าชม(4426)ครั้ง